จากอาการบาดเจ็บของ เอแดร์ซอน ทำให้หมดสิทธิช่วยแมนซิตี้ในเกมปะทะอาร์เซน่อล

เอแดร์ซอน ได้รับบาดเจ็บขาขวาจากจังหวะปะทะกับ ดาร์วิน นูนเญซ จนเสียจุดโทษและเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ของลิเวอร์พูล ในเกมบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้าน สกาย สปอร์ตซ์ และอีกหลายสื่อรายงานในทิศทางเดียวกันว่า เอแดร์ซอน นายทวารทีมชาติบราซิลจะต้องพักราว 4 สัปดาห์ จากอาการบาดเจ็บดังกล่าว จนกลายเป็นข่าวร้ายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโปรแกรมสำคัญในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่จะต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ อาร์เซน่อล ในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ซึ่งทาง เอแดร์ซอน ไม่น่าจะหายทันลงช่วยทีมได้ และจะเป็น สเตฟาน ออร์เตก้า ได้รับหน้าที่แทนเหมือนที่ลงสำรองในเกมล่าสุดที่แอนฟิลด์ และทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะลงสนามเกมต่อไปใน เอฟเอ คัพ พบกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สุดสัปดาห์นี้ก่อนเข้าสู่ช่วงเบรกทีมชาติ โดยที่ เอแดร์ซอน เองก็หมดสิทธิ์รับใช้ทีมชาติเหมือนกัน

‘กรีลิช’ รับสภาพต้องยิงสู้ ‘โดกู’ หลังโดนแย่งตำแหน่ง

แจ็ค กรีลิช ยอมรับว่าเขาจำเป็นที่จะต้องเริ่มทำประตูให้มากกว่าเดิม หลังเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับนักเตะใหม่อย่าง เจเรมี โดกู ไปเป็นที่เรียบร้อย

โดกู แนวรุกทีมชาติเบลเยี่ยม ถูกคว้าตัวมาร่วมทีมเมื่อซัมเมอร์ และไม่ถึง 2 เดือน เขาสามารถแย่งตำแหน่งปีกซ้ายของ แจ็ค กรีลิช และลงสนามไปแล้วถึง 12 นัดให้กับทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้  ทำ 3 ประตู กับอีก 6 แอสซิส

อดีตปีกของทีมอันเดอร์เลช กำลังอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดที่มีส่วนร่วมกับ 5 ประตู ในเกมๆเดียว

“ผมคงต้องเริ่มทำประตูให้มากกว่านี้แล้ว” แจ็ค กรีลิช เปิดเผยกับ TNT Sports

“ผมรู้ดีว่าผมสามารถทำอะไรให้กับทีมได้ นอกเหนือไปจากการทำประตูและแอสซิส แต่แนวรุกทุกคนต่างต้องการยิงประตูให้มากกว่าเดิมอยู่แล้ว” 

ยาย่าเชื่อ “เรือใบ” ดร็อปลงฤดูกาลหน้า

ยาย่า ตูเร่ ตำนานของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชื่อว่าทีม “เรือใบสีฟ้า” อาจจะมีผลงานที่ดร็อปลงไปเล็กน้อย ในระหว่างฤดูกาล 2023-2024 ที่กำลังมาถึง

ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพิ่งมีผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ในฤดูกาล 2022-2023 และคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นครั้งแรกด้วยการเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ในนัดชิงชนะเลิศ “พวกเราคว้าแชมป์ทุกอย่างและหลังจากนั้นแน่นอนว่าเราอาจจะดร็อปลง” ยาย่า ตูเร่ กล่าวกับ the Daily Mail

“แต่ว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ คุณต้องการการกระตุ้นที่ถูกต้อง บางครั้งมันขึ้นอยู่กับผู้นำ เฮ้ดโค้ช ใครก็ตามที่เป็นคนกระตุ้นนักฟุตบอลเหล่านี้”

“โค้ชบอกว่าพวกเราต่อสู้กับตัวเอง พวกเราคือปัญหา ไม่ใช่คู่ต่อสู้ พวกเราพยายามด้วยความทุ่มเทแบบเดียวกัน เพราะว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำมันได้อีกครั้ง มันยากสำหรับ ซิตี้ แต่ว่าพวกเขาก็คว้าแชมป์ลีกได้ติดต่อกันหลายต่อหลายปี”

ยูเลียน อัลวาเรซ ไม่ค่อยมีความสุขในการค้าแข้งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ยูเลียน อัลวาเรซ ได้รับข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งไม่แน่ใจว่านักเตะหนุ่มรายนี้ต้องการที่จะต่อสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือไม่ เนื่องจากโอกาสลงเล่นของเขาที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ของเขาค่อนข้างมีจำกัด โดยส่วนใหญ่ในฤดูกาล 2022/23 ยูเลียน อัลวาเรซ จะได้รับบทบาทในการเป็นผู้เล่นสำรองของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ แม้ว่าเขาจะสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ อาร์เจนติน่า ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรวมถึงช่วงที่เขาได้รับโอกาสได้ลงเล่นให้กับสโมสรด้วย

จนถึงปัจจุบัน ยูเลียน อัลวาเรซ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก เพียง 6 นัดนับตั้งแต่ย้ายจาก ริเวอร์เพลท มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ โดยเขาสามารถทำประตูได้ 5 ประตูจากการลงเล่นไปทั้งหมด 707 นาทีที่เล่นในลีกให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และปม้ว่าเขาจะไม่ได้มีโอกาสในการลงเล่นในสนามมากแต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเข้าใจยากที่เราจะได้เห็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสนอสัญญาฉบับใหม่ให้กับ ยูเลียน อัลวาเรซ โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องการต่อสัญญาฉบับใหม่กับ ยูเลียน อัลวาเรซ เป็นระยะเวลา 5 ปี

อย่างไรก็ตามได้มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวในอังกฤษที่เปิดเผยว่า ยูเลียน อัลวาเรซ ไม่มีความสุขกับโอกาสในการลงเล่นในสนามของเขาในปัจจุบัน และเขาก็เชื่อว่าในอนาคตเขาก็ไม่น่าจะได้รับโอกาสลงเล่นในสนามมากกว่าในฤดูกาลปัจจุบัน และสิ่งนี้ทำให้ เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ต่างให้ความสนใจกับสถานการณ์ของนักเตะรายนี้ แต่ทางด้านของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เองก็ไม่น่าจะมีความต้องการที่ปล่อยผู้เล่นของเขาออกจากทีมไป

เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ เคยถูก เอฟเวอร์ตัน ปฏิเสธไม่เซ็นสัญญาด้วยมาก่อน

เออร์ลิง ฮาแลนด์ นักเตะกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แจ้งเกิดให้กับทีมของแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่แล้วได้สำเร็จ หลังจากที่เขาได้ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาอยู่กับทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยตอนนี้เขาทำประตูไปแล้ว 17 ประตูจากการลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ไป 11 เกม โดยนักเตะทีมชาตินอร์เวย์รายนี้ตกเป็นที่เกรงขามสำหรับแนวรับๆ ของทีมคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก

นอกจากนี้เขายังทำประตูได้อีก 5 ประตูในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก จากการลงเล่นไป 4 เกม และนั่นทำให้นักเตะหนุ่มวัย 22 ปีรายนี้อาจจะเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะเข้ามาเติมเต็มให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และช่วยทีมคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลนี้มาครองได้ หลังจากที่รอคอยมานานหลายปี และได้เข้ารอบชิงชนะลฺศ 2 ปีต่อเนื่องกัน

เออร์ลิง ฮาแลนด์ เริ่มเป็นที่รู้จักของใครหลายคนจากการที่เขาได้ค้าแข้งให้กับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ก่อนที่เขาจะย้ายไปอยุ่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและกลายเป็นที่จับตามองของหลายสโมสรทั่วยุโรป และเขาก็เคบเกือบจะได้เซ็นสัญญากับ เอฟเวอร์ตัน ด้วย และหลังจากที่เขาได้ย้ายมาอยุ่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและมันน่าจะสร้างความรู้สึกเสียดายให้กับ เอฟเวอร์ตัน ไม่น้อย ซึ่งในตอนนั้นเขามีค่าตัวเพียงแค่ 2 ล้านปอนด์

เอฟเวอร์ตัน เป็นหนึ่งในไม่กี่ทีมที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ไม่สามารถยิงประตูทำคะแนนได้ในฤดูกาลนี้ แต่ว่า เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็ยังมีโอกาสแก้มืออีกครั้งสำหรับเกมที่ทั้งสองทีมจะพบกันในช่วงปลายปีนี้ และการทำประตูของเขาอาจจะเป็นการแก้แค้นที่ เอฟเวอร์ตัน เคยปฏิเสธที่จะไม่เอาเขาไปร่วมทีมด้วย

เออร์ลิง ฮาแลนด์ เซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างเป็นทางการ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บรรลุข้อตกลงเซ็นสัญญาคว้าตัว เออร์ลิง ฮาแลนด์ นักเตะกองหน้าของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางด้านของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ นักเตะหนุ่มวัย 21 ปี เตรียมจะย้ายไปยัง เอติฮัด สเตเดียม ในช่วงซัมเมอร์นี้ และจะกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับค่าตัวสูงที่สุดของสโมสร ซึ่ง เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะได้รับค่าเหนื่อยเท่ากับ เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งมีมูลค่าหยู่ที่ 375,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีข่าวหลุดออกมาว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ 60 ล้านยูโร และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะเซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปีกับสโมสร

แถลงการณ์ของสโมสรระบุว่า “แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขอยืนยันว่าเราได้บรรลุข้อตกลงกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในเรื่องการย้ายทีมของนักเตะกองหน้า เออร์ลิง ฮาแลนด์ โดย เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะเดินทางมาที่สโมสรของเราในวันที่ 1 กรกฎาคม 2022 ซึ่งตอนนี้เราเหลือแค่ตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับผู้เล่นเท่านั้น”

หลังจากมีการประกาศเซ็นสัญญาของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ทางด้านของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เผยว่าการขาย เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะช่วยให้สภาพการเงินของสโมสรนั้นดีขึ้น โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มในช่วงปีงบประมาณ 2022-23 น่าจะอยู่ที่ 35-40 ล้านยูโร

การเข้ามาของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วยย้อมใจให้กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หลังจากที่พวกเขาต้องผิดหวังในการเซ็นสัญญากับ แฮร์รรี่ เคน นักเตะกองหน้าทีมชาติอังกฤษของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว นักเตะหนุ่มทีมชาตินอร์เวย์เป็นหนึ่งในผู้เล่นอายุน้อยที่หลายๆ ทีมในโลกนี้ต้องการเซ็นสัญญาด้วย ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ต้องฟาดฟันกับ เรอัล มาดริด และ บาเยิร์น มิวนิค กว่าจะได้ลายเซ็นของเขามา

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แข็งแกร่งขึ้น เพื่อคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอมรับว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะต้องยกระดับผลงานของทีมตัวเองขึ้นมาเพื่อพาทีมทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน พร้อมทั้งเขายังได้ออกมาปฏิเสธที่จะวิจารณ์ผู้เล่นของเขาเองหลังจากที่พวกเขาพลาดโอกาสในหลายๆ จังหวะระหว่างเกมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ เรอัล มาดริด ไปด้วยสกอร์ 4-3

สำหรับเกมในเลกที่สอง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะใช้ประโยชน์จากความกดดันของ เรอัล มาดริด ที่ เบอร์นาเบว ในสัปดาห์หน้า ซึ่งน่าจะทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นได้ง่ายขึ้น เนื่องจากพวกเขาได้ทำประตูนำไปก่อนแล้วจากเกมในเลกแรกที่ผ่านมา ซึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กล่าวว่าทีมของเขาจะมุ่งหน้าไปยังสเปนเพื่อพยายามคว้าชัยชนะในเกมเลกที่สอง และพาทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในปารีสกับ ลิเวอร์พูล หรือ บียาร์ เรอัล แต่เขาก็ยอมรับว่ามันไม่ใช่งานง่ายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า “มันเป็นเกมที่ดีกับเรามาด เพราะทั้งสองทีมเป็นทีมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ พวกเราต้องพยายามทำผลงานให้ดีทั้งสองเกมเพื่อผ่านเข้าไปในรอบชิงชนะเลิศ สำหรับเกมในเลกแรกเราทำได้ดีมาก ถึงแม้ว่าเราจะมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง และเราจะพยายามเอ่าชนะให้ได้อีกครั้งในเกมเลกที่สอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าทีมของเราเป็นทีมที่ดีพอที่จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ”

เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังมีความหวังในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก

เขาอาจคิดว่าการชิงตำแหน่งได้จบลงแล้ว แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ รู้ดีว่าตอนนี้มันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ควรสงสัยเลย เขากล่าวว่า “เมื่อผมกลับไปสู่เส้นทางอาชีพของผม ผมจำไม่ได้บ่อยครั้งมากเมื่อไม่ได้ไปเล่นในนัดที่แล้ว โชคร้ายที่มันไม่ชนะมันเสมอไป บางทีก็อยู่ในลีกหรืออะไรก็ตาม ผมไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับผมอย่างไร แต่มันเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย”

เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังพูดคุยกับ Sky Sports ก่อนงานแถลงข่าวในวันอังคาร ในห้องเล็กๆ ที่มีกล้องส่องอยู่บนเขาและแก้วกาแฟอยู่ในมือ เขากำลังไตร่ตรองถึงเหตุการณ์ในคืนก่อน เหตุการณ์ที่ยกระดับความตื่นเต้นในหมู่ผู้สนับสนุน เขาเฝ้าดู แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสมอกับ คริสตัล พาเลซ ในวันจันทร์ “ประมาณ 65 นาที ด้วยเหตุผลในการวิเคราะห์ พวกเขากำลังทำอะไรในสถานการณ์เหล่านี้ ใครกำลังเล่นอยู่?” ผลจากการเสีย 2 คะแนนนั้น ลิเวอร์พูล รู้ดีว่าอีก 10 ชัยชนะ และจำไว้ว่าพวกเขาชนะ 8 แต้มหลังสุด จะพาพวกเขาไปสู่ตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ง่ายใช่มั้ย

เขากล่าวว่า “เมื่อคุณคิดเกี่ยวกับมันจริงๆ ใน พรีเมียร์ลีก กับคู่แข่งที่เราเผชิญ หนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างเห็นได้ชัด ด้วยความเคารพต่อคู่แข่งทั้งหมด เรายังมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เราต้องไปเยือน แอสตัน วิลล่า, วูล์ฟแฮมป์ตัน ในนัดที่แล้ว, สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เป็นเรื่องดีที่เรามีการอภิปรายเหล่านี้เพราะมันหมายความว่าเราใกล้พอที่จะมีโอกาส ดีกว่าตามหลัง 20 แต้ม แต่สิ่งที่เราทำได้คือพยายามทำทุกอย่างเพื่อชนะการแข่งขันฟุตบอลนัดต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุดและยากที่สุดคือตอนนี้”

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้เงินซื้อขายนักเตะสูงสุดใน 5 ลีกชั้นนำของยุโรป

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้เงินไปกับการย้ายทีมมากกว่าสโมสรอื่นๆ ใน 5 ลีกชั้นนำของยุโรปในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้บันทึกการใช้จ่ายสุทธิที่น่าจับตามอง 903 ล้านปอนด์ในช่วง 10 ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยใช้จ่าย 1.3 พันล้านปอนด์ และชดเชย 395 ล้านปอนด์จากการขายผู้เล่น ตามผลการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่โดย Football Observatory

ในแง่ของรายจ่ายสุทธิ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้เงินไปมากกว่าสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (826.6 ล้านปอนด์), ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (790.4 ล้านปอนด์) และ บาร์เซโลน่า (546 ล้านปอนด์) ซึ่งล้วนแต่คว้าแชมป์ลีกมาแล้ว 5 สมัยหรือมากกว่าในช่วงเวลานั้น เทียบกับแชมป์เก่าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2012/13

ที่น่าสนใจคือ อาร์เซนอล อยู่ในอันดับที่ 5 ของรายการ นำหน้า ยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่ในยุโรป (471.2 ล้านปอนด์) และ เอซี มิลาน (362.9 ล้านปอนด์) ในขณะที่สามทีมจาก พรีเมียร์ลีก อย่าง เอฟเวอร์ตัน (360.4 ล้านปอนด์), แอสตัน วิลล่า (356.2 ล้านปอนด์) และ เชลซี (346.9 ล้านปอนด์) อยู่ใน 10 อันดับแรก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์, คริสตัล พาเลซ, เลสเตอร์ ซิตี้, ไบรท์ตัน และ วูล์ฟแฮมป์ตัน ยังติด 20 อันดับแรก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันในการใช้จ่ายระหว่างทีมจากอังกฤษและทีมในยุโรป

สำหรับทีมอื่นๆ ลีลล์ จาก ลีกเอิง (-293.2 ล้านปอนด์) และ ลียง (-207.5 ล้านปอนด์) ก็ใช้งบเกินดุลอันดับชาร์ตในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เป็นทีมที่ใช้จ่ายสูงที่สุดในประเทศเมื่อฤดูกาลที่แล้ว อันที่จริงแล้ว 46 จาก 98 สโมสรกลับบัญชีดำ โดยที่ เจนัว, อูดิเนเซ่, อตาลันต้า, มงต์เปลลิเย่ร์ และ แอธเลติก บิลเบา เป็นกลุ่มที่ทำกำไรได้มากที่สุด

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง สามารถแก้ปัญหาการทำประตูของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้หรือไม่?

ไม่มีใครที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้รับโอกาสลงเล่นภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มากไปกว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แล้ว และไม่มีใครในทีมชุดปัจจุบันที่ทำประตูได้มากกว่านี้ภายใต้การคุมทีมนายใหญ่ชาวกาตาลันในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน

ดังนั้นด้วยปัญหาการทำประตูที่อาจส่งผลกระทบกับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แน่นอนว่าไม่มีใครดีไปกว่าแข้งทีมชาติอังกฤษอีกแล้วหรือไม่? สำหรับเกมลีกมันเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันที่ ซิตี้ ได้เจอกับทีมที่เตรียมมาเพื่อตั้งรับลึกและยอมไม่ครองบอลเพื่อพยายามสร้างความหงุดหงิดให้กับทีมของ กวาร์ดิโอล่า เมื่อพวกเขาเปิดบ้านเจอกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

พวกเขาทำได้เพียงเสมอแบบไร้สกอร์เมื่อเจอกับ เซาแธมป์ตัน ที่มาเล่นแบบเดียวกัน แต่พ่ายให้ คริสตัล พาเลซ 2-0 ที่ตลอดทั้งเกม ซิตี้ ครองบอลเหนือกว่ามาก และเกมที่เจอ เอฟเวอร์ตัน มันมีความรู้สึกเดียวกันเมื่อเจอ เอฟเวอร์ตัน แต่แล้ว สเตอร์ลิ่ง ก็มาทำประตูขึ้นนำได้ก่อนจบครึ่งแรก การวิ่งตามสัญชาตญาณของเขาทำให้เขาพบช่องว่างในเขตโทษก่อนที่จะจิ้มบอลเข้าตาข่าย ที่จริงต้องขอบคุณ เจา กันเซโล่ ที่จ่ายบอลไซด์ก้อยอย่างเหนือชั้น ทันใดนั้นความกดดันที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ก็หายไป ก่อนที่ โรดรี้ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา มายิงคนละประตูให้เรือใบสีฟ้าเอาชนะไปได้อย่างง่ายดาย

ดูเหมือนว่ามันจะเป็นทางออกที่ชัดเจนในการหันไปหาผู้เล่นอย่าง สเตอร์ลิง ซึ่งตอนนี้ทำไปแล้ว 107 ประตูจาก 271 นัดภายใต้การคุมทีมของ กวาร์ดิโอล่า แต่นั่นจะลืมปัญหาล่าสุดของเขา ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งานในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ก่อนช่วงพักเบรคทีมชาติ นี่เป็นเพียงประตูที่ 3 ของเขาจาก 16 เกมที่ลงเล่นในฤดูกาลนี้ โดยต้องดิ้นรนกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในฤดูกาลที่แล้ว

ผลงานที่ดีที่สุดในฤดูกาล 2019-20 สเตอร์ลิ่งทำไป 15 ประตูในทุกรายการภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน “เขาต้องการ (ประตู) และในครึ่งแรกเขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่หาโอกาสและทำทาง เขาทำประตูที่ยอดเยี่ยมด้วยการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมจาก เจา อีกครั้ง เขาเล่นได้ดี” กวาร์ดิโอล่า กล่าวหลังจบเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บอลวันนี้ มีการใช้เวลามากเกินไปในการพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตของ สเตอร์ลิ่ง มากเสียจน กวาร์ดิโอล่า กล่าวว่าเขาจะปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องนี้อีกก่อนการแข่งขันกับ เอฟเวอร์ตัน ด้วยสัญญาที่เหลืออีก 18 เดือน และมีรายงานว่าเขาอาจย้ายออกจากทีมเพื่อหาโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น การคาดเดานอกสนามได้พรากไปจากสิ่งที่อดีตดาวเตะลิเวอร์พูลสามารถทำได้อย่างมหาศาล

สเตอร์ลิ่ง ลงเล่นครั้งล่าสุดเป็นนัดที่ 300 ในพรีเมียร์ลีก โดยมีเพียง เวย์น รูนี่ย์, แกเร็ธ แบร์รี่ และ เจมส์ มิลเนอร์ เท่านั้นที่ทำได้สำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย การได้เล่นในระดับสูงของอังกฤษเป็นการเน้นย้ำถึงคุณภาพและประสบการณ์ที่เขามี ฟอร์มของเขาในทีมชาติอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยูโร 2020 นั้นยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมผลงานในสโมสรถึงทำให้ทุกคนงุนงง ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เขาเริ่มต้นด้วยปีกขวาและเหมือนเป็นตัวรุกที่อันตรายที่สุดของทีม หลังจากพลาดการเซ็นสัญญากับกองหน้าในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และด้วย กาเบรียล เฆซุส เล่นได้ดีในตำแหน่งปีกขวา สเตอร์ลิ่ง น่าจะเป็นนักเตะซีเนียร์ที่ดีที่สุดที่สามารถเล่นตำแหน่งเบอร์ 9 ได้

แต่ไม่ว่ามันจะเป็นแรงกดดันจากความคาดหวังในแง่ของการทำประตูที่ขัดขวางไม่ให้เขาเล่นหรือไม่ เขาก็ดูผ่อนคลายกว่ามากในตำแหน่งริมเส้น โคล พาลเมอร์ เจ้าหนูจากอะคาเดมี่เป็นคนล่าสุดที่รับบทบาทกองหน้าตัวหลอก และทำผลงานได้น่าประทับใจกับการออกสตาร์ทพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของเขา แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น, อิลคาย กุนโดกัน และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ต่างก็เคยเล่นในบทบาทกองหน้าตัวหลอกทั้งหมด และเมื่อไม่มีกองหน้าที่การันตีการยิง 30 ประตู กวาร์ดิโอล่าก็ต้องการให้ผู้เล่นทุกคนมีส่วนในพื้นที่สุดท้าย

สำหรับส่วนของเขา สเตอร์ลิ่งแค่ต้องการลงเล่น และถ้าเขาทำอย่างนั้น การต่อสัญญาเพื่อให้เขาอยู่กับซิตี้ต่อไปก็มีความเป็นไปได้ สำหรับข่าวลือและการคาดเดาล่าสุดทั้งหมด ซิตี้ยังคงเป็นคำตอบของสเตอร์ลิ่ง และสเตอร์ลิ่งสามารถเป็นคำตอบให้กับซิตี้ได้