เพลย์เมกเกอร์สายพเนจร “อาเรียล ออเตก้า”

นักเตะร่างเล็กที่มีความเร็ว และมีสกิลในด้านการเลี้ยงบอลในระดับน้องๆมาราโดนาเลยทีเดียว แถมยังเปิดบอลและยิงประตูได้อย่างคมกริบเลยทีเดียว ทีเด็ดในการยิงประตูของ “เจ้าลาน้อย” อาเรียล ออเตก้า นั่นก็คือการยิงประตูด้วยลูก “ชิพบอล” เท้าขวาของ ออเตก้านี่เหมือนชั่งทองมาจากบ้านเลยทีเดียว เขากะน้ำหนักบอลได้ดีมาก แต่สิ่งที่น่าจะเป็นข้อเสียของมิดฟิลด์ตัวรุกรายนี้ก็คือ

เขาเป็นนักเตะที่ “บ้าเลี้ยง” มากเกินไป เรียกว่าเป็นตัวพาเสียบอลชุดของเหล่านักลุงทันหลายๆจังหวะนั้น เจ้าตัวเลี้ยงบอลจนไม่ดูจังหวะเพื่อนว่าเพื่อนว่าง อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า เพื่อนตะโกนขอบอลเจ้าตัวก็ไม่ส่งเลย มันทำให้แฟนบอล หรือกระทั่งว่าเพื่อนร่วมทีมและโค้ชต่างก็พากันส่ายหน้าเลยทีเดียวกับความหวงบอลจนเคยตัวของเพลย์เมกเกอร์รายนี้ และถามว่าหลังจากทีได้รับฉายาว่า “นิวมาราโดนา” ไปเต็มๆนั้น เขามีชีวิตยังไงบ้าง …

ออเตก้า เคยได้ร่วมงานกับ มาราโดนา 1 ทัวร์นาเมนต์คือในฟุตบอลโลก 1994 ซึ่งทัวร์นาเมนต์นี้คือการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของมาราโดนา แถมเจ้าตัวโดนส่งตัวกลับบ้านก่อนทัวร์นาเมนต์จะจบเพราะใช้สารกระตุ้นต้องห้าม หลังจากนั้นมา เสื้อหมายเลข 10 ก็ถูกส่งต่อให้กับ ออเตก้า แต่ว่าก็อย่างที่บอกไป ออเตก้า มีนิสัยใจร้อน ไม่ฟังใคร พร้อมจะมีเรื่องกับคนได้ตลอด ซึ่งด้วยความพยศต่อเพื่อนร่วมทีมยันโค้ช แถมเลี้ยงบอลโชว์เดี่ยวไม่สนใจใครนี่เอง ที่มันทำให้เขาไม่ค่อยจะได้อยู่กับทีมไหนๆได้นานเลย

เขาพเนจรไปอยู่กับหลายทีมในยุโรป แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยจริงๆ แถมยังโดนโค้ชแทบจะทุกทีมรังเกียจนิสัยส่วนตัวของเขาที่ไร้ความเป็นมืออาชีพอีกด้วย หลังจากพเนจรเปลี่ยนทีมอย่างน้อยปีละสโมสรนั้น เขาก็ได้ย้ายกลับมายังอาร์เจนตินาเพื่อเล่นกับ ริเวอร์เพลท ซึ่งเป็นทีมที่เขาสร้างชื่อเสียงขึ้นมาตั้งแต่วัยรุ่น แต่ก็ย้ายเข้าย้ายออกอยู่หลายตลบจนกระทั่งมาแขวนสตั๊ดเมื่อราวๆ 7-8 ปีที่ผ่านมานั่นเอง

กล่าวได้ว่า ออเตก้า ชีวิตพเนจรไม่ต่างจากพวกนิวมาราโดนารุ่นก่อน ไม่รู้ว่ามันเป็นอาถรรพ์ของฉายานี้หรือไม่ แต่ถึงยังไง เขาก็ยังกลับมาโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้อีกครั้งตอนที่คัมแบ๊กมายังลีกบ้านเกิดเพื่อเล่นให้กับ ริเวอร์เพลท ต่างจากรายก่อนหน้านี้ที่ไปแล้วไปลับ ฟอร์มหายแบบกู่ไม่กลับเลยนั่นเอง